
ในการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 ที่จะถึงนี้ “พรรคเพื่อชาติ” อีกหนึ่งพรรคการเมืองหน้าใหม่ แม้จะไม่ใช่พรรคขนาดใหญ่ แต่แกนนำของพรรค ต่างแยกตัวมาจากพรรคเพื่อไทย นำโดย สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคฯ อดีต รมช.พาณิชย์ พร้อมด้วย อารี ไกรนรา, วิโชติ วัณโณ รองหัวหน้าพรรคฯ
นอกจากนี้ ยังมีบุคลากรที่เข้ามาช่วยงานให้พรรค อาทิ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และ ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ ออกเดินสายพบประชาชนทั่วประเทศ
ชู 9 นโยบาย ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสให้กับคนจน ส่งเสริมเกษตรกรฐานราก สร้างมาตรฐานด้านสาธารณสุขให้คนไทย และใส่ใจชีวิตคนเมือง
ประกอบด้วย 1. นโยบายยกระดับสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลตำบลที่มีความทันสมัย 2. นโยบาย 1 ตำบล 1 นักศึกษาแพทย์ 3. นโยบายโฉนดใบเดียวทั้งแผ่นดิน 4. นโยบายยกเลิกการผูกขาดตัดตอน และยกเลิกสัมปทาน ที่กีดขวางการพัฒนาโอกาสของคนยากจน
5. นโยบายปลอดภาษีรถยนต์ เพื่อการเกษตรและประมง 6. นโยบายเงินช่วยเหลือผู้สูงวัย 2,000 บาทต่อเดือน 7.นโยบายการวางผังเมืองใหม่ ให้กลายเป็น Green and Clean City 8. นโยบายทลายกำแพงใจ 9. นโยบายราคาพืชผลทางการเกษตร
รวมทั้งการเป็นพรรค “เกาะกลางประชาธิปไตย” สร้างพื้นที่เจรจากับทุกฝ่าย เพื่อไปสู่เป้าหมายความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ด้วยสโลแกน “ฟื้นประเทศไทย สร้างประชาธิปไตย ก้าวไปด้วยกัน”
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้ทางพรรคเพื่อชาติจะไม่ได้เสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรี แต่ก็ได้ส่งผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตมากถึง 349 เขต รวมทั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อครบโควตา 150 คน
และจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้ฐานเสียงจากพรรคดังกล่าวได้พิจารณา เนื่องจากมีจุดยืนทางการเมืองคล้ายกัน

“สาครออนไลน์” พูดคุยกับ “แอน – ณฐมน ขุนนุช” ผู้สมัคร ส.ส. สมุทรสาคร เขต 1 ที่หลายคนรู้จักพบเห็นผ่านป้ายหาเสียงทั่วมหาชัย แต่น้อยคนนักจะทราบถึงประวัติและตัวตนจริง ๆ
ณฐมนเล่าว่า เดิมบ้านเกิดอยู่ที่สมุทรสงคราม แต่ได้ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ และสมุทรสาครจนถึงปัจจุบัน เคยเรียนประถมศึกษาที่ ร.ร.วัดอ้อมน้อย และมัธยมศึกษาที่ ร.ร.อ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์ จนถึงชั้น ม.3
ก่อนที่จะเรียนต่อในระดับ ปวช. และ ปวส. สาขาวิชาการตลาด ที่วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี ศึกษาต่อเนื่องอีก 2 ปีจนจบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ การตลาด มหาวิทยาลัยสยาม
เริ่มต้นทำอาชีพค้าขายอาหารทะเลมานาน 14 ปี โดยซื้อของที่ตลาดมหาชัย แล้วนำไปจำหน่ายในกรุงเทพฯ โดยมีร้านอยู่ที่วัดกลาง ตลาดพลู ซึ่งครอบครัวก็เปิดร้านขายไก่สดอยู่ใกล้กัน
กิจการในช่วงแรกดีมาก มีลูกค้าจากร้านอาหาร โรงแรม โรงเรียน หรือโต๊ะจีนเข้ามาต่อเนื่อง แต่ในช่วงหลังจาก 4-5 ปีที่เปลี่ยนรัฐบาล ยอดขายอาหารทะเลเริ่มลดลง ลูกค้าเริ่มถอยบ้าง เปลี่ยนวัตถุดิบบ้าง ยิ่งขายก็ยิ่งควักทุนตัวเอง จึงตัดสินใจเลิกอาชีพนี้
พอดีทางบ้านมีธุรกิจคิวรถสองแถวเล็กสีส้ม สายปิ่นทอง – มหาชัย มีรถวิ่งให้บริการอยู่ 14 คัน ร่วมกับเจ้าของรถสองแถวเล็กรายอื่น ๆ จึงได้เข้ามาดูแลด้วยตัวเองโดยตรง

สำหรับจุดเริ่มต้นเข้าสู่การเมือง ณฐมนบอกว่า จากการที่ตัวเองได้เจอปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และในระหว่างที่พาคุณแม่ไปผ่าตัดรักษาหัวเข่าที่โรงพยาบาลของรัฐ ก็ได้พบกับชาวบ้านที่เจ็บป่วยอย่างทรมาน แต่ต้องรอต่อคิวตรวจรักษายาวมาก จึงมีแนวคิดอยากจะทำอะไรสักอย่างให้คุณภาพชีวิตของผู้คนเหล่านี้ดีขึ้น
“เผอิญว่าน้องชาย “รองเอส – ธนธัส ขุนนุช” อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองสมุทรสงคราม ลงเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อชาติ แล้วได้ถามว่าเอาด้วยไหม ก็เลยคิดว่าพอดีเลย เราอยากแก้ไขตรงนี้ ให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ไม่มีอำนาจจะลุกขึ้นมา อยากได้ประชาธิปไตยกลับมา และอยากให้เศรษฐกิจมันดีขึ้น
แล้วบังเอิญพรรคนี้มีนโยบายที่ตรงกับใจพอดี คือ 1 ตำบล 1 นักศึกษาแพทย์ คือแต่ละตำบลเขาจะจัดให้มีนักศึกษาอยู่ และจะมีเครื่องมือแพทย์ทันสมัยมาตรวจโดยไม่ต้องไปที่โรงพยาบาลในเมือง จะได้กระจายการรักษา ตรงนี้ชอบมาก ก็เลยตัดสินใจเข้ามาตรงนี้” ณฐมนกล่าว
อีกทั้งเมื่อสมัยที่ได้ไปฝึกงานและเรียนภาษาต่อที่ออสเตรเลีย พบเห็นคุณภาพชีวิตของคนที่นั่นอยู่กันแบบสมถะ สบาย ไม่มีอาชญากรรม การเดินทางด้วยรถเมล์สะดวก ไม่ต้องเดินไกล ไปทำงานดึก 4-5 ทุ่ม เดินทางกลับเข้ามาที่พักก็ไม่น่ากลัว ก็อยากให้ประเทศไทยเป็นแบบนี้ อยากให้น่าอยู่ ถ้าเข้ามาตรงนี้ได้ก็อยากจะพัฒนาให้ดีขึ้น

ส่วนเรื่องการหาเสียงนั้น ณฐมนบอกว่า ได้ลงพื้นที่แบบเคาะประตูบ้านพร้อมกับทีมงานเป็นกลุ่มสิบกว่าคน พยายามหาเสียงเข้าไปให้ทุกที่ ได้รับฟังปัญหาของชาวบ้านทุกระดับ ซึ่งต่างบอกว่าเศรษฐกิจแย่ ขายของไม่ดี อยากเปลี่ยนรัฐบาลให้คนรุ่นใหม่เข้าไปทำงานบ้าง อย่างรัฐบาลที่ผ่านมาตนคิดว่าได้ยินปัญหานี้แบบปากต่อปาก ไม่ได้ลงมาสัมผัสอย่างเรา เพราะเป็นแม่ค้ามาก่อนจึงรู้ว่าสิ่งที่ผ่านมามันเป็นอย่างไร
และนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อชาติที่ชาวบ้านชื่นชอบนั้น นอกจากเรื่องแก้ปัญหาปากท้อง และ 1 ตำบล 1 นักศึกษาแพทย์แล้ว ก็ยังมีเรื่องของเงินช่วยเหลือผู้สูงวัย 2,000 บาท และเรื่องของการนำประชาธิปไตยกลับคืนมา โดยร่วมมือกับพรรคการเมืองใดก็ได้
“ขอโอกาสให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เป็นคนรุ่นใหม่ ได้เข้ามาพัฒนาสมุทรสาคร ให้เรามีความเจริญน่าอยู่ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เราจะได้มีรอยยิ้ม ไปไหนได้สบายใจ นอนไม่สะดุ้ง ให้ทุกวันมีชีวิตที่ดีขึ้น” ณฐมน กล่าวทิ้งท้าย

– กิตติกร นาคทอง –