สมาชิกวุฒิสภา “ชวพล วัฒนพรมงคล” เรียกร้องให้ รมว.คมนาคม หาสาเหตุที่แท้จริง เหตุโครงสร้างทางด่วนถล่ม ชี้ความเสียหายนอกจากเสียชีวิต-บาดเจ็บแล้ว กระทบเศรษฐกิจบนถนนพระราม 2 สมุทรสาคร ถึงสมุทรสงคราม เพราะไม่มีใครกล้ามา ชี้การตัดแต้มผู้รับเหมาไม่ใช่ทางแก้ แต่ควรหาทางป้องกันไม่ใก้เกิดขึ้นซ้ำอีก
วันนี้ (15 มี.ค.) นายชวพล วัฒนพรมงคล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชาวจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวกับ “สาครออนไลน์” ถึงกรณีที่เกิดอุบัติเหตุโครงสร้างทางยกระดับสองชั้น (Double Deck) โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ถล่มลงมาบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางดาวคะนอง ก่อนถึงถนนพระรามที่ 2 เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่คานถล่มถนนพระรามที่ 2 บริเวณมหาชัยเมืองใหม่ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2567 เห็นว่าค่อนข้างเป็นเหตุการณ์ใหญ่ แม้จะเทียบกับครั้งนี้ที่เป็นเหตุการณ์ใหญ่กว่า ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุ แต่ในการแก้ไขปัญหาถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครบอกชัดเจนว่ามีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร โดยเฉพาะสาเหตุของปัญหา ถึงปัจจุบันไม่มีใครบอกว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
ทั้งนี้ เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่ม สว. ชาวจังหวัดสมุทรสาครได้แถลงข่าวที่รัฐสภาเพื่อสอบถามไปยัง รมว.คมนาคม แต่เวลานี้ยังไม่เปิดเผยสาเหตุของปัญหาคานถล่มที่บริเวณมหาชัยเมืองใหม่ว่าเกิดจากอะไร แล้วมาเกิดเหตุการณ์นี้ซ้ำ ในมุมมองประชาชนทั่วไป ก็คงอยากจะรู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ซึ่งจะเป็นแนวทางแรกๆ ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้ แต่ถ้าไม่รู้สาเหตุเลยก็คงแก้ไขลำบาก
”เบื้องต้นต้องกระทุ้งให้กระทรวงคมนาคม และ รมว.คมนาคม เอาสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงออกมากาง ถ้าเรารู้สาเหตุถึงจะรู้วิธีแก้ไขได้ อันนี้ในมุมมองของประชาชนทั่วไป แต่ส่วนที่ได้ยินข่าวมา โดยหลักก็คือมีการจ้างซับคอนแทรก (Sub-contract หรือผู้รับเหมาช่วง) ลงไป การควบคุมดูแลจึงไม่รัดกุม เพราะไม่มีบริษัทที่มีมาตรฐานดูแลเพียงบริษัทเดียว กลายเป็นบริษัทย่อยลงไป แน่นอนก็ต้องมีขนาดเล็กลง ทั้งเรื่องเงินทุน แรงงาน และความเชี่ยวชาญก็คงจะน้อยลงไป เป็นข้อมูลที่ได้รับมา แต่ยังไม่มีใครยืนยีน“ นายชวพล กล่าว
นายชวพล ตั้งข้อสังเกตว่า ลักษณะการเกิดเหตุของทั้งสองเหตุการณ์นั้นคล้ายกัน แต่ไม่แน่ใจว่าเกิดจากโครงถักหรือสาเหตุอื่น เพราะบางคนบอกว่าเกิดจากการเทปูนไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่มีการควบคุม ซึ่งเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้า จึงไม่รู้ว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร แต่ทั้งสองเหตุการณ์ ณ เวลานี้ เหตุเก่าก็ไม่รู้ เหตุใหม่ยังคงเสาะหาสาเหตุอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเปิดเผยหรือไม่
ส่วนการที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม จะใช้มาตรการสมุดพกตัดแต้มแก่ผู้รับเหมา จะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดหรือไม่ นายชวพล กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นแค่บทลงโทษ แต่ความจริง ณ เวลานี้สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่การลงโทษ แต่เราไม่ต้องการให้เกิดเหตุ เพราะเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว การไปตัดแต้มยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ สิ่งที่เกิดความเสียหายไม่ว่าจะเป็นผู้เสียชีวิต ที่กระทบกับครอบครัว ผู้บาดเจ็บ หรือแม้กระทั่งความสูญเสียทางเศรษฐกิจ สังคม เมื่อทางด่วนดาวคะนองขึ้นลงไม่ได้ ความเสียหายบนถนนพระรามที่ 2 ตั้งแต่เขตบางขุนเทียน จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ถึงเพชรบุรี ซึ่งรถต้องผ่าน เวลานี้ไม่มีใครกล้ามา เป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจ และกำลังจะเข้าสู่เทศกาลท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ ถามว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจที่เสียหายจากการเดินทาง การสัญจรของคน ไม่รู้ว่าจะประเมินมูลค่าอย่างไร
“ถามว่าตัดแต้ม … ตัดแต้มแล้วยังไง แสดงว่าตัดไปหนึ่งแต้ม ยังมีอีกสอง-สามแต้มที่เหลือให้สามารถเกิดเหตุได้อีกเหรอ มันก็คงไม่ใช่ สิ่งที่เราต้องการจริงๆ ไม่ใช่การตัดแต้มซึ่งต้องมาตัดภายหลัง ที่เราต้องการ คือไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ถ้าไม่อยากให้เกิดขึ้น ต้องหาสาเหตุและป้องกันตั้งแต่ต้น ไม่ใช่มาตามตัดแต้มใครหลังเกิดเหตุ ผมไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น แต่ไม่ได้มีโอกาสคุยกับรัฐมนตรีในการประชุมร่วมกัน เพราะไม่ได้อยู่ในบทบาทของการตรวจสอบการทำงานโดยตรง อยากหาวิธีที่จะป้องกันมากกว่า” นายชวพล กล่าว
นายชวพล ยังฝากไปถึงรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมว่า การหาต้นตอของปัญหาที่แท้จริง เป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อเตรียมการป้องกัน แต่ ณ เวลานี้อยากฝากถึง รมว.คมนาคม และกระทรวงคมนาคมว่า การจะเร่งก่อสร้างให้เร็ว และมีมาตรการในการออกบทลงโทษผู้รับเหมา ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เพราะการตัดแต้ม หรือลงโทษผู้รับเหมาเป็นการลงโทษหลังจากที่เกิดเหตุแล้ว แต่สิ่งที่กระทรวงคมนาคม และ รมว.คมนาคม ควรหาวิธีและเร่งดำเนินการ คือ หาสาเหตุและหาทางป้องกัน ไม่ใช่บอกว่าจะลงโทษใคร เวลานี้ไม่ใช่เกิดเหตุแล้วหาคนมารับโทษ มันไม่ใช่ เชื่อว่าเวลานี้ทุกคนโดยเฉพาะชาวพระราม 2 และสมุทรสาคร ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ใช่บอกว่าอยากให้ลงโทษ การลงโทษเป็นส่วนหนึ่งต้องทำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อยากให้เกิดมากขึ้น คือ การป้องกันปัญหา ไม่ใช่บอกว่าลงโทษใครแล้ว สบายใจแล้ว หาผู้กระทำผิดอล้ว จบแล้ว ซึ่งไม่ใช่ เห็นว่าการป้องกันเป็นวาระที่ใหญ่มากกว่าการจะไปหาผู้ที่รับผิดชอบ ณ เวลานี้
สาครออนไลน์ โดย กิตตินันท์ นาคทอง