การเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ สมุทรสาครคงไม่ต่างไปจากจังหวัดอื่นตรงที่เป็นการแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองสองพรรคใหญ่ “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” แต่ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือเขตเลือกตั้ง 2 ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นเขตชนช้างที่ต่อสู้กันอย่างสูสี ถึงขนาดมีบุคคลระดับ “ผู้ใหญ่” ของผู้สมัครแต่ละฝ่ายลงมาเป็นพี่เลี้ยงช่วยหาเสียงเลยทีเดียว

เขตเลือกตั้งที่ 2 ต.นาดี อ.เมืองฯ และ อ.กระทุ่มแบน 8 ตำบล ได้แก่ ต.ตลาดกระทุ่มแบน, ต.ดอนไก่ดี, ต.ท่าเสา, ต.ท่าไม้, ต.อ้อมน้อย, ต.คลองมะเดื่อ, ต.สวนหลวง และ ต.แคราย เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง “นาวาตรีสุธรรม ระหงษ์” เจ้าของพื้นที่เดิมในนามพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะต้องเจอกับ “กำนันหลอ-บุญชู นิลถนอม” ที่ตระกูลไกรวัตนุสสรณ์ส่งเข้าประกวดในนามพรรคเพื่อไทย

ที่ผ่านมาสาครออนไลน์วิเคราะห์ไว้ว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งในครั้งนี้โดยที่สองตำบลในอำเภอกระทุ่มแบน คือ ต.หนองนกไข่ และ ต.บางยาง เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อนาวาตรีสุธรรม เพราะสองตำบลที่ถูกแยกไปอยู่เขต 3 เป็นฐานเสียงเดิมของ พลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์ อดีตรัฐมนตรีชื่อดังผู้เป็นลุงของตัวเอง

รวมทั้งการที่นาวาตรีสุธรรมต้องเจอผู้สมัครหน้าใหม่อย่าง “กำนันหลอ” ที่มีเสียงสนับสนุนทั้งจากตระกูลไกรวัตนุสสรณ์ ที่มีบารมีทางการเมืองและการค้าในจังหวัดแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งเพราะบารมีดังกล่าวเคยทำให้เศรษฐีเหล็กอย่าง “เสี่ยดำ-สุวิศว์ เมฆเสรีกุล” ได้เป็น ส.ว.สมใจ รวมทั้งกระแสพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง นปช.ที่มักจะเข้ามาจัดอีเวนท์ในพื้นที่อ้อมน้อย

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายในการหาหนทางและวิธีการเพื่อรักษาตำแหน่ง ส.ส.ไม่ให้หลุดลอยไป หนึ่งในนั้นคือการให้ผู้ใหญ่ในระดับ “แกนนำพรรค” เข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยงหาเสียง ไม่ว่าจะเป็น “หล่อเล็ก” อภิรักษ์ โกษะโยธิน เข้ามาแนะนำตัวที่ตลาดกระทุ่มแบนเป็นการชิมลาง จากนั้นถึงคิวของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่เฉพาะกระทุ่มแบนถึง 2 ครั้ง เพื่อตอกย้ำความเป็นเจ้าของพื้นที่ และรักษาเก้าอี้ ส.ส.ไม่ให้หลุดมือไป

25 พ.ค. 2554 นายอภิสิทธิ์พร้อมด้วยลูกพรรคอย่าง “บิ๊กจ้อน” อลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เจ้าของพื้นที่ภาคตะวันตก และ ดร.ผุสดี ตามไท เดินทางมายังโรงงานทอผ้าของบริษัท สุวรรณอุตสาหกรรมปั่นทอ จำกัด ของกิตติ พงษ์ศักดิ์ เศรษฐีเจ้าของธุรกิจสิ่งทอและอสังหาริมทรัพย์ เพื่อหาเสียงแก่ผู้ใช้แรงงาน โดยเน้นนโยบายเพิ่มค่าแรง 25% ภายใน 2 ปีและแก้ปัญหาของแพง

จากนั้นไม่นาน 12 มิ.ย. 2554 นายอภิสิทธิ์ก็ลงพื้นที่กระทุ่มแบนอีกครั้ง เพื่อช่วยนาวาตรีสุธรรมหาเสียง แต่คราวนี้ใช้เวลาช่วยผู้สมัครตระเวนหาเสียงไปตามย่านชุมชนต่างๆ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของนาวาตรีสุธรรม ไล่ตั้งแต่ตลาดสดเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ขึ้นไปถึงหมู่บ้านสิวารัตน์ พุทธมณฑลสาย 5, ตลาดเก้าแสน อ้อมน้อย และสิ้นสุดลงที่หมู่บ้านสินสมบูรณ์ พุทธมณฑลสาย 4

แม้การลงพื้นที่หาเสียงของนายอภิสิทธิ์จะต้องเจอแรงเสียดทาน ทั้งจากความไม่พอใจของคนที่มีแนวคิดสนับสนุนเสื้อแดง นปช.ที่ออกมาชูป้ายดีแต่พูด เลียนแบบหนังสือพิมพ์หัวสีบางฉบับ แต่ดูเหมือนว่านายอภิสิทธิ์จะรับมือได้ทุกครั้ง โดยเฉพาะที่ตลาดกระทุ่มแบน นายอภิสิทธิ์ถึงกับตอบโต้เหมือนรู้ทันสื่อบางฉบับที่จะเอาไปตีข่าวว่า คนที่ชูป้ายคงไม่มีลูกที่ได้เรียนฟรี

ถึงกระนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นกัน เฉกเช่นวันหาเสียงที่โรงงานสุวรรณอุตสาหกรรมปั่นทอ ปรากฏว่าเมื่อขบวนรถของนายอภิสิทธิ์ออกจากโรงงานมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ก็มีรถกระบะสัญลักษณ์ธงสีแดงของกลุ่ม นปช. ติดรูป เสธ.แดง ติดสติ๊กเกอร์ “กูมาทุกครั้ง กูอยากโดนลูกปืน แดง อ้อมน้อย” เตรียมที่จะพุ่งชนรถนายอภิสิทธิ์ แต่โชคดีที่มีรถชาวบ้านขวางไว้

สำหรับฝ่ายของ “กำนันหลอ” ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะเน้นการเคาะประตูบ้านเพื่อสร้างการรับรู้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ การลงพื้นที่ที่น่าสนใจก็คือ ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน “เฮียม้อ” มณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ อดีต ส.ส.ที่สมัยนี้ลงสมัครในพื้นที่เขต 3 แทนลูกชายที่ยังติดโทษบ้านเลขที่ 111 ถึงกับออกมาช่วยขอคะแนนแบบเคาะประตูบ้านกันข้ามเขตเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงเปิดรับสมัคร ส.ส. จะมีกระแสข่าวว่า “ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทยจะเข้ามาหาเสียงเลือกตั้งในพื้นที่สมุทรสาคร แต่ดูเหมือนว่าถึงทุกวันนี้ยังไม่มีแกนนำพรรคคนใดเข้ามา แต่ถึงกระนั้นแม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือแกนนำพรรคคนสำคัญจะมาหรือไม่ ตระกูลไกรวัตนุสสรณ์ยังมัศักยภาพพอที่จะคว้าเก้าอี้ ส.ส.ให้ได้เป้าหมายทั้ง 3 เขตยกทีม

ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคมนี้ แม้การที่มีระดับแกนนำพรรคเข้ามาช่วยผู้สมัครแต่ละคน จะเป็นเรื่องที่ดี ที่มีผู้ใหญ่ระดับแกนนำพรรคให้ความสำคัญในช่วงหาเสียง หากแต่เมื่อผู้สมัคร ส.ส.คนใดได้รับเลือกตั้งแล้ว หายหน้าหายตาไปจากพื้นที่ ก็ถือว่าสิ่งที่น่าอดสูอย่างยิ่ง และหากพลาดก็ต้องรอแก้มือในการเลือกตั้งสมัยหน้า อย่างช้าๆ 4 ปี