ท่าทางจะไม่สวยเหมือนลำเรือเสียแล้ว สำหรับโครงการล่องเรือประมง ชมอ่าวมหาชัย ของสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ โดยได้รับงบประมาณจากการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อปี 2555 จำนวน 3,840,000 บาท

เพราะพบว่า เรือประมงที่นำมาแสดงในโครงการ และอ้างว่ามีให้บริการจำนวน 5 ลำ มีเครื่องยนต์เพียงลำเดียว ส่วนอีก 4 ลำที่เหลือซึ่งตกแต่งอย่างสวยงาม กลับพบว่าไม่มีเครื่องยนต์แต่อย่างใด อาจเรียกได้ว่าเป็นการ “แหกตาประชาชน” ก็ว่าได้

โครงการล่องเรือประมงชมอ่าวมหาชัยนั้น เป็นการรดัดแปลงเรือประมงเพื่อให้เป็นเรือท่องเที่ยว โดยมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทำประมงชายฝั่งบางหญ้าแพรกจัดตั้งขึ้น เพื่อช่วยเหลือชาวประมงที่มีเรือและเครื่องยนต์พร้อม แต่ไม่ได้ทำประมงเพราะสู้ค่าใช้จ่ายในเรื่องน้ำมันแพง ค่าแรงสูงไม่ไหว ได้รวมตัวกัน โดยได้รับงบประมาณก้อนแรกมาปรับปรุงเรือจำนวน 5 ลำ

ในโครงการเขียนว่า มีชั้นวางของขายบนเรือเป็นสินค้าของชาวบ้าน เช่น ผลไม้ของเกษตรกร อาหารทะเลตากแห้งของชาวประมงสมุทรสาคร มีที่ทำครัวพร้อมเครื่องครัว มีเบ็ดตกปลาให้ มีกล้องส่องทางไกล อุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน เมื่อปรับปรุงเรือเสร็จแล้วจะเปิดแถลงข่าวและล่องเรือไปปากอ่าวเป็นรอบปฐมฤกษ์

จ่ายให้ชาวประมงเจ้าของเรือลำละ 8,000 บาท เป็นเงิน 40,000 บาท

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2555 สาครออนไลน์เคยพาทีมงานวิจัยที่นำโดย รศ. ศิริชัย พงษ์วิชัย ภาควิชาสถิติ คณะพาณิชย์ศาสตร์และกรบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะผู้วิจัยที่เป็นนักวิชาการจากสถาบันต่างๆ มาทำการศึกษาวิจัยเรื่อง “ศักยภาพและมูลค่าของผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวต่อการสร้างรายได้ของจังหวัดสมุทรสาคร”

โดยแนะนำเรือท่องเที่ยวของโครงการนี้ผ่านนายจำรัส คชศิลา หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตร สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งนำเรือประมงที่ดัดแปลงเป็นเรือท่องเที่ยวตั้งแต่ลำแรก ซึ่งทำเสร็จเป็นเรือลำเล็ก พาคณะอาจารย์ล่องเรือชมคลองสุนัขหอน ช่วงต้นคลอง ใช้เวลาไป-กลับเกือบหนึ่งชั่วโมง จ่ายค่าเช่าไป 2,000 บาท

(อ่านประกอบ : นักวิชาการจุฬาฯ วิจัยศักยภาพการท่องเที่ยวสมุทรสาคร)

เมื่อปรับปรุงเรือเสร็จสมบูรณ์ 17 กรกฎาคม 2556 มีการแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวลงเรือรอบปฐมฤกษ์ในวันที่ 8 สิงหาคม 2556 ฟรี และได้เชิญตำรวจน้ำ กับกรมเจ้าท่า มาให้ความมั่นใจในข้อกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยทางทะเล และข้อปฏิบัติตามกฎหมายในการประกอบกิจการท่องเที่ยว

โดยระบุให้มีประกันภัย ตาม พ.ร.บ. เหมือนกับรถยนต์ มีช่างเครื่องประจำเรือ มีผู้ขับเรือที่มีใบอนุญาต และอื่นๆ ในด้านการบริการบนเรือ หัวหน้าส่วนราชการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสมุทรสาครได้ชี้แจงไว้อย่างน่าสนใจ โดยมีนายไพศาล สำราญทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครมาเป็นประธานเปิดงานแถลงข่าว

ในวันเปิดงานล่องเรือประมงชมอ่าวมหาชัยรอบปฐมฤกษ์ ที่เรือทั้ง 5 ลำจะต้องพาแขกผู้มีเกียรติในงานที่ทำประชาสัมพันธ์ไว้ลงเรือไปปากอ่าวมหาชัย มีเรือมาเทียบท่าลอยลำ 5 ลำ และมีเรือที่ทำพิธีเปิดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขึ้นไปทำพิธีเปิดโครงการ มีสื่อมวลชนและแขกผู้เข้าร่วมงานขึ้นเรือเพื่อร่วมเดินทางไปปากอ่าว

แต่พอถึงเวลาที่ต้องเดินทาง กลับให้ย้ายจากเรือที่มีอุปกรณ์ท่องเที่ยวและอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ไปลงเรือลำเล็กที่ลงได้ยี่สิบกว่าคน และแล่นไปแค่ระยะใกล้ๆ ไม่กี่นาที ไม่ได้ไปชมปากอ่าวอย่างที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ไว้แต่อย่างใด

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร รับงานโปรโมตเป็นเจ้าภาพในการจัดงานเปิดตัวร่วมกับเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสมุทรสาคร ทุกคนน่าจะรู้แก่ใจว่า เรือประมงอีก 4 ลำไม่มีเครื่องยนต์ ไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวได้จริง แถมนำมาจอดลอยลำไว้รอนักท่องเที่ยวที่ริมเขื่อนหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองนานเกือบเดือน

สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสาคร นำโดย นายสุนทร วัฒนาพร จัดทีมสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยว ต้องไปเช่าเรือ อันนาลัย 1 ไปปากอ่าวมหาชัย เมื่อ 28 สิงหาคม ต่อมาสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ก็จัดประชุมสภาสัญจรได้เช่าเรืออันนาลัย 1 ไปชมอ่าวมหาชัย เมื่อ 29 สิงหาคม โดยไม่ใช้เรือจากโครงการนี้แม้แต่น้อย

ด้วยความแปลกใจ “สาครออนไลน์” จึงสอบถามนายจำรัส ว่าเรือของโครงการนี้มีคนเช่าหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า ตอนนี้เรือแล่นได้ลำเดียวคือเรือท่องเที่ยวลำเล็ก ส่วนเรือลำอื่นๆ ได้นำไปเข้าอู่ อันที่จริงเมื่อนำไปลอยลำที่อื่น หน้าบ้านชาวบ้าน ก็มีเสียงบ่นของเจ้าของบ้านที่เรือไปลอยลำว่ากีดขวางและเกะกะหน้าท่า

ย้อนให้นึกถึงวันจัดงานรอบปฐมฤกษ์ ที่ได้ขึ้นไปตรวจบนเรือ เห็นห้องเครื่องยนต์ที่ไม่มีเครื่องยนต์ และไม่มีชั้นวางของขายบนเรือตามที่เขียนไว้ในโครงการ เมื่อได้ถามนายจำรัสอีกครั้ง จึงได้คำตอบว่ายังไม่ได้ทำ จะทำเพิ่มเติมภายหลัง ซึ่งเป็นที่กังขาว่าทำสัญญาจ้าง และส่งมอบงานเพื่อรับเงินงบประมาณได้อย่างไร ในเมื่องานไม่เสร็จสมบูรณ์ และเลยกำหนดสัญญามานานแล้ว

ในห้องน้ำท้ายเรือที่ต้องมีปั๊มน้ำและแทงค์น้ำจืดไว้บริการนักท่องเที่ยว กลับมีแต่ถังเก่าๆ โถส้วมที่สกปรก ไม่สมกับเป็นเรือท่องเที่ยว ผู้ให้บริการก็ยังเอะอะโวยวายดุลูกน้อง (ลูกหลาน) บนเรือเหมือนตอนทำประมง ซึ่งแน่นอนว่าการต้อนรับนักท่องเที่ยวอาจมีปัญหาแน่ ถ้ายังไม่ปรับปรุงเรื่องนี้

แต่ที่ต้องรับผิดชอบคือเจ้าของโครงการ ที่ไม่ดูความพร้อมของเรือ และผู้ที่จะได้รับงบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชนนำมาทำโครงการแล้วไม่เกิดสัมฤทธิ์ผล เรียกได้ว่า ของเก่าก็ยังไปไม่ถึงไหน ก็เริ่มทำของใหม่โดยของบประมาณเพิ่มจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาอีก 3 ล้านบาท เพื่อนำมาทำเรือประมงท่องเที่ยวเพิ่มอีก 5 ลำ

ตอนนี้กำลังปรับปรุงอยู่ที่จังหวัดชุมพร ซึ่งไกลหูไกลตา ไม่รู้ว่าจะมีการทำจริงแค่ไหน เรือมหาชัยไม่มี ก็ยังอุตส่าห์ไปทำเรือที่ชุมพร อ้างว่าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลากมาทำที่สมุทรสาคร หวังว่าอาจไม่ใช่เป็นการไปซื้อซากเรือนำมาแหกตาประชาชนอีก เพราะการทำโครงการต้องเป็นเรือที่มีเครื่องยนต์แล่นมาได้ การตรวจงาน การจัดจ้างเหมา ต้องเดินทางไปไกล มีการตั้งราคาค่าติดตามงานไว้จำนวนหนึ่งในโครงการแรก โครงการที่สองอาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเพราะไปไกลถึงชุมพร

ถ้าเป็นไปได้ กรมเจ้าท่าช่วยตรวจสอบทะเบียนเรือด้วย เริ่มจากเจ้าของเดิมจนถึงเจ้าของปัจจุบัน ว่าหยุดทำประมงปีไหน ถ้าหยุดทำประมงนานก็เป็นซากเรือ ที่มีขายในราคาลำละ 3-4 หมื่นบาท ที่เคยซื้อมาจมทำปะการังเทียมไปหลายสิบลำ ถ้าสภาพดีหน่อยก็ 5-6 หมื่นบาท ไม่แน่ว่า อาจเป็นของนายทุนที่มาอาศัยงบของกระทรวงให้ปรับปรุงเรือให้ฟรีๆ ก็เป็นได้

ไม่รู้ว่าเรือประมงที่หนีน้ำมันแพงค่าแรงสูงจริง หรือซื้อซากเรือมาทำโครงการ ใช้งบประมาณกับการจ่ายเกินจริง สองโครงการเกือบ 7 ล้านบาท ถ้าถูกจับได้อาจเป็นมหกรรม “เรือประมงแหกตา” ได้อย่างแนบเนียน.

อ่านประกอบ

• 3.84 ล้าน ล่องเรือประมงชมอ่าวมหาชัย

• เปิดตัว “ล่องเรือประมงชมอ่าวมหาชัย” เผยเพิ่มงบปรับปรุงเรืออีก 5 ลำ