สมการการเมือง ปชป.รักษาฐานเสียง วางตัว “กันต์กวี” เคียงคู่ “ครรชิต”
ภาพจากเฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva
การจัดเวที “เดินหน้า ผ่าความจริง” ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่โรงเรียนอันนาลัย ต.ท่าฉลอม อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมานั้น แม้จะเป็นการจัดเวทีตามปกติของพรรคในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ก็มีคำถามตามมาว่า มีนัยยะทางการเมืองทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่นที่สำคัญหรือไม่
หลังการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 ผ่านพ้นไป พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส่วนพรรคประชาธิปัตย์กลายมาเป็นฝ่ายค้านในสภาฯ แทน ระหว่างนั้นรัฐบาลได้เดินหน้าออกกฎหมายนิรโทษกรรมและแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ซึ่งเชื่อว่าเป็นการนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดในเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อปี 2553
การจัดเวที “เดินหน้าผ่าความจริง” ของพรรคประชาธิปัตย์จึงถือกำเนิดขึ้น โดยเริ่มจากหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2555 กระทั่งได้จัดขึ้นทุกวันเสาร์ต่อเนื่องกันหลายจังหวัด มีเนื้อหาโจมตีรัฐบาลในประเด็นต่างๆ และมีการถ่ายทอดสดไปยังโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม อาทิ ทีนิวส์, บลูสกาย แชนแนล, ไทยทีวีดี (ปัจจุบันปิดตัวแล้ว) และนิวส์วิชั่น
ผู้ปราศรัยส่วนใหญ่จะเป็นแกนนำพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรคที่สำคัญ โดยที่สมุทรสาครเริ่มจากนายอลงกรณ์ พลบุตร, นายอรรถพร พลบุตร, นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต, นายแก้วสรร อติโพธิ, นายกษิต ภิรมย์, นายสาธิต วงศ์หนองเตย ก่อนที่จะตบท้ายด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนอยู่กับการเมืองมากว่า 20 ปีแล้ว ได้เห็นชาวสมุทรสาครให้ความกรุณากับพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะให้การสนับสนุนนักการเมืองหลายคน ตั้งแต่นายเอนก ทับสุวรรณ, นาวตรีสุธรรม ระหงษ์ อดีต ส.ส.สมุทรสาคร ซึ่งนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่าไม่ได้หายไปไหน ยังทำงานอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์และในพื้นที่ต่อเนื่อง
รวมทั้ง ส.ส.สมุทรสาครของพรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่ นายครรชิต ทับสุวรรณ และนายนิติรัฐ สุนทรวร
ภาพจากเฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva
ไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคประชาธิปัตย์ลงพื้นที่สมุทรสาครอย่างใกล้ชิด ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ รวมพลังสมัชชาออกแบบประเทศไทย โครงการพรรคประชาธิปัตย์พบประชาชน ภาคกลาง ที่ภัตตาคารนิวรสทิพย์ ต.มหาชัย อ.เมืองฯ
โดยมีนายอภิสิทธิ์ เป็นประธานเปิดการประชุม และมีคณะกรรมการประสานงานในพื้นที่ร่วมกันจัดขึ้น อาทิ นายคุณานนท์ ชื่นค้า ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ จ.สมุทรสาคร และ ส.ส.สมุทรสาครทั้ง 2 คน จากนั้นในช่วงเย็น ที่โรงเรียนอันนาลัย ได้จัดงานราตรีสีฟ้า สมุทรสาคร ซึ่งเป็นงานเลี้ยงสมาชิกพรรค
เป็นที่น่าสังเกตว่า การจัดกิจกรรมต่างๆ ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น มักจะใช้โรงเรียนอันนาลัย ซึ่งถือได้ว่าฝั่งท่าฉลอมเป็นฐานเสียงที่สำคัญของพรรคประชาธิปัตย์อย่างเหนียวแน่น เช่นเดียวกับฝั่งตลาดมหาชัย แตกต่างจากฐานเสียงของตระกูลไกรวัตนุสสรณ์ ที่โดยส่วนมากจะอยู่ในพื้นที่รอบนอกของตัวเมืองมหาชัย โดยเฉพาะ อ.บ้านแพ้ว
แน่นอนว่าการจัดกิจกรรมเช่นนี้ ก็มักจะถูกโยงไปถึงคะแนนนิยมของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เฉกเช่น นายครรชิต ซึ่งตกเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดียิงนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสาคร ในขณะนี้คดีกำลังอยู่ในระหว่างการไต่สวนของศาลจังหวัดสมุทรสาคร และนายครรชิตอยู่ในระหว่างประกันตัวสู้คดี
ที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่งก็คือ ตระกูลทับสุวรรณได้วางทายาททางการเมืองอีกคนหนึ่ง คือ นายกันต์กวี ทับสุวรรณ หลานชายนายเอนก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา โดยมีคะแนนเป็นอันดับ 3 อยู่ที่ 2.3 หมื่นคะแนน เฉพาะ อ.เมืองสมุทรสาคร อยู่ที่ 1.5 หมื่นคะแนน
แม้นายกันต์กวีจะพ่ายแพ้ “เฮียม้อ” นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ อดีต ส.ส.สมุทรสาครหลายสมัย แต่คะแนนที่ได้รับนั้นส่วนหนึ่งมาจากความสงสารและเห็นใจกับการเสียชีวิตของนายอุดร อีกทั้งนายกันต์กวีนั้นจัดเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ ยังไม่เป็นที่รู้จักของคนสมุทรสาคร เทียบกับนายครรชิตที่มีศักดิ์เป็นบุตรชายของนายเอนกโดยตรง
ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ที่ผ่านมา ป้ายอิ้งค์เจ็ทสวัสดีปีใหม่และตรุษจีน ที่มีภาพของนายอภิสิทธิ์ นายครรชิต และนายกันต์กวีถูกนำมาติดตามจุดต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ของประชาชนในพื้นที่ แม้ในที่สุดจะถูกมือดี ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนนักการเมืองฝั่งตรงข้าม นำสีสเปรย์มาพ่นด้วยถ้อยคำที่หยาบคายเพื่อกล่าวหานายครรชิตก็ตาม
คดีการเสียชีวิตของนายอุดร ทั้งนายเอนก นายครรชิต รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์อาจจะต้องเดินกลยุทธ์เพื่อเรียกคะแนนนิยมกลับคืนมามากขึ้น เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าคดีการเสียชีวิตของนายอุดรแม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ก็มีความพยายามนำเรื่องการเมืองระดับชาติ และสีเสื้อทางการเมืองเข้ามาผูกโยงเพื่อซ้ำเติมคะแนนนิยม
ระยะเวลาอีก 2 ปีเศษที่การเลือกตั้ง ส.ส.จะกลับมาอีกครั้ง คงต้องดูกันต่อไปว่า นอกจากผู้สมัครรายเดิมอย่างนาวาตรีสุธรรม ในเขต อ.กระทุ่มแบน หรือนายนิติรัฐจากเขต อ.บ้านแพ้ว จะลงเลือกตั้งอีกครั้งแล้ว ในส่วนของตระกูลทับสุวรรณจะเคาะใครลงสนามการเมือง ซึ่งจะต้องขับเคี่ยวกับตระกูลไกรวัตนุสสรณ์ ที่มีนายอนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ ลงพื้นที่เขตอำเภอเมือง
ถ้าไม่นับ “อุบัติเหตุทางการเมือง” จากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ของอย่างนี้ต้องดูกันยาวๆ…
• กิตตินันท์ นาคทอง •